ผมไม่รู้จะนิยามหนังเรื่องนี้ว่าอย่างไรดี    "แปลก"  "ประหลาด"  "แปลกแยก"  มันมีส่วนผสมกันอยู่ในที  ผมนึกไม่ออกว่ามีผู้กำกับคนไหนเอาเรื่อง "แปลก"  "ประหลาด"  "แปลกแยก" มาเป็นธีมหลักเพื่อนำเสนอความแปลกแยกในตัวมนุษย์และสังคมได้หลักแหลมเท่านี้   สิ่งที่ผู้กำกับ  Guillermo del Toro ถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นถึงความเป็นอัฉริยะคนหนึ่งของวงการจริงๆ
Guillermo del Toro จัดทุกองค์ประกอบของหนังให้มีความแปลก  หากคุณดูหนังเรื่องนี้แล้วงงๆ  รู้สึกประดักประเดิด  แปร่งๆ  บางทีเป็นเพราะผู้กำกับต้องการเช่นนั้น  ด้วยเนื้อเรื่องและพล็อตของหนังเป็นเส้นตรงที่ไม่มีอะไรซับซ้อน  สิ่งที่ผู้กำกับต้องการคือเล่นกับความรู้สึกของคนดูและหากคุณรู้สึกเช่นนั้นแสดงว่าคุณกำลังเดินไปในทิศทางเดียวกับผู้กำกับแล้ว
ว่าด้วยเรื่องสี...  หนังเรื่องนี้มีสีเขียวปรากฎในเกือบทุกฉาก   ผมพยายามนึกถึงสีเขียวในความหมายถึงต้นไม้  ความสดชื่น  และพยายามนึกอีกว่ามันเป็นคราบตะไคร่หนองน้ำที่นิ่ง  สีผิวเหลือบๆของแมลงหรืองู  เลือดของเอเลี่ยน  แรกๆก็ดูสวย  ดูจบรู้สึกเอียนเหมือนกัน
ว่าด้วยการถ่ายภาพ...  บางครั้งแพนจากมุมสูงกดลงมา  บางครั้งแพนจากไกลเข้าหาใกล้หรือกลับกัน  บางทีผมรู้สึกเมา  อึดอัด
ว่าด้วยเรื่องดนตรีประกอบ...  เป็นมิวสิคัลยุค 60 หรือไม่ก็แท็ปแด๊นซ์ซึ่งมันออกจะแปร่งๆเหมือนกันเวลาดูประกอบกับฉากโหดๆที่เลือดสาดหรือรุนแรง
ว่าด้วยเรื่องการแสดง...  นับเป็นทีมนักแสดงที่เยี่ยมยอดมากทั้งทีม  แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่านักแสดงจะลงลึกในดราม่าหรืออินเนอร์แค่ไหน ถึงจุดหนึ่งมันจะเบี่ยงทิศทางให้ดูเหมือนฝันหรือวิปลาสหรือดูขำๆ
ยังไม่รวมถึงเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับพรายน้ำประหลาดๆ  คนส่วนน้อยที่แปลกแยกจากสังคมไม่ว่าคนใบ้  LGBT  คนสูงอายุ  คนผิวสี ฯลฯ
ที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นก็คือผมนั่งดูไป  เออ...สวยดี  เออ...เมา  อึดอัด  บางทีก็โหด  เอียน  เหนอะหนะ  บางทีก็หลุดขำทั้งที่ไม่น่าขำเพราะดนตรีมันโผล่มาแบบแปลกๆ  นี่ตรูบ้าหรือเปล่าเนี่ย
ผมกำลังคิดว่าถ้าผมมีรูมเมทเป็นคนผิวสีหรือคนพิการสักคน  เอาแบบอยู่ยาวหลายปีผมจะรู้สึกแปลกๆไหม   ทุกวันนี้ผมขับรถเก่าๆ  ไม่พยายามมองรถหรูของคนอื่น  ใส่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ใช้แบรนด์เนม  คนอื่นจะมองว่าผมแปลกไหม  ทุกวันนี้คนส่วนใหญ๋ในสังคมต่างทำโปรไฟล์ตัวเองให้ดูดี  มีรสนิยม ทำศัลยกรรมให้สวยๆ  นั่นเป็นสิทธิที่น่าสนใจ  บางทีผมน่าจะลองดูว่าหากผมเดินเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างนั้นบ้างความประหลาดและแปลกๆในตัวผมอาจจะหมดไปก็ได้  ยังไงผมจะลองคิดอีกที
																															 
						
The Shape of Water หนังประหลาด (Spoil)
Guillermo del Toro จัดทุกองค์ประกอบของหนังให้มีความแปลก หากคุณดูหนังเรื่องนี้แล้วงงๆ รู้สึกประดักประเดิด แปร่งๆ บางทีเป็นเพราะผู้กำกับต้องการเช่นนั้น ด้วยเนื้อเรื่องและพล็อตของหนังเป็นเส้นตรงที่ไม่มีอะไรซับซ้อน สิ่งที่ผู้กำกับต้องการคือเล่นกับความรู้สึกของคนดูและหากคุณรู้สึกเช่นนั้นแสดงว่าคุณกำลังเดินไปในทิศทางเดียวกับผู้กำกับแล้ว
ว่าด้วยเรื่องสี... หนังเรื่องนี้มีสีเขียวปรากฎในเกือบทุกฉาก ผมพยายามนึกถึงสีเขียวในความหมายถึงต้นไม้ ความสดชื่น และพยายามนึกอีกว่ามันเป็นคราบตะไคร่หนองน้ำที่นิ่ง สีผิวเหลือบๆของแมลงหรืองู เลือดของเอเลี่ยน แรกๆก็ดูสวย ดูจบรู้สึกเอียนเหมือนกัน
ว่าด้วยการถ่ายภาพ... บางครั้งแพนจากมุมสูงกดลงมา บางครั้งแพนจากไกลเข้าหาใกล้หรือกลับกัน บางทีผมรู้สึกเมา อึดอัด
ว่าด้วยเรื่องดนตรีประกอบ... เป็นมิวสิคัลยุค 60 หรือไม่ก็แท็ปแด๊นซ์ซึ่งมันออกจะแปร่งๆเหมือนกันเวลาดูประกอบกับฉากโหดๆที่เลือดสาดหรือรุนแรง
ว่าด้วยเรื่องการแสดง... นับเป็นทีมนักแสดงที่เยี่ยมยอดมากทั้งทีม แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่านักแสดงจะลงลึกในดราม่าหรืออินเนอร์แค่ไหน ถึงจุดหนึ่งมันจะเบี่ยงทิศทางให้ดูเหมือนฝันหรือวิปลาสหรือดูขำๆ
ยังไม่รวมถึงเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับพรายน้ำประหลาดๆ คนส่วนน้อยที่แปลกแยกจากสังคมไม่ว่าคนใบ้ LGBT คนสูงอายุ คนผิวสี ฯลฯ
ที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้นก็คือผมนั่งดูไป เออ...สวยดี เออ...เมา อึดอัด บางทีก็โหด เอียน เหนอะหนะ บางทีก็หลุดขำทั้งที่ไม่น่าขำเพราะดนตรีมันโผล่มาแบบแปลกๆ นี่ตรูบ้าหรือเปล่าเนี่ย
ผมกำลังคิดว่าถ้าผมมีรูมเมทเป็นคนผิวสีหรือคนพิการสักคน เอาแบบอยู่ยาวหลายปีผมจะรู้สึกแปลกๆไหม ทุกวันนี้ผมขับรถเก่าๆ ไม่พยายามมองรถหรูของคนอื่น ใส่เสื้อผ้าธรรมดาไม่ใช้แบรนด์เนม คนอื่นจะมองว่าผมแปลกไหม ทุกวันนี้คนส่วนใหญ๋ในสังคมต่างทำโปรไฟล์ตัวเองให้ดูดี มีรสนิยม ทำศัลยกรรมให้สวยๆ นั่นเป็นสิทธิที่น่าสนใจ บางทีผมน่าจะลองดูว่าหากผมเดินเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างนั้นบ้างความประหลาดและแปลกๆในตัวผมอาจจะหมดไปก็ได้ ยังไงผมจะลองคิดอีกที